วันอังคารที่ 8 พฤษภาคม พ.ศ. 2555

แนวทางการรักษาผู้ป่วยไวรัสตับอักเสบบีและซี 2552

แนวทางการรักษาผู้ป่วยไวรัสตับอักเสบบีและซี 2552




แนวทางการรักษาผู้ป่วยไวรัสตับอักเสบบี Update  ก.ย.54 ครับ http://home.kku.ac.th/medicine/I-San/10.3/files/15-0.pdf


ปี 2552    http://www.liversocietythailand.org/Document/CHB_Guideline_13_03_10.pdf





วันพฤหัสบดีที่ 3 พฤษภาคม พ.ศ. 2555

เป้าหมายในการควบคุมระดับ LDL ในแนวทางการดูแลรักษาภาวะไขมันในเลือดสูงของ ESC/EAS ปี 2011

ในแนวทางการดูแลรักษาภาวะไขมันในเลือดสูงของ European Society of Cardiology (ESC) และ the European Atherosclerosis Society (EAS) ปี 2011 ได้กล่าวถึงเป้าหมายในการควบคุมระดับ LDL ไว้ว่า

เป้าหมายในการควบคุมภาวะไขมันในเลือดสูงโดยส่วนใหญ่มาจากข้อมูลการศึกษาโดยการใช้ LDL เป็นตัวชี้วัดการตอบสนองต่อการรักษา ดังนั้น LDL จึงยังเป็นเป้าหมายหลัก (primary target) ในกลวิธีส่วนใหญ่เพื่อการควบคุมไขมันในเลือด โดยในการศึกษาล่าสุดที่ผ่านมา Cholesterol Treatment Trialist’s Collaboration (CTT) เป็นการศึกษาแบบ meta-analysis ในประชากรมากกว่า 170,000 คน ยืนยันว่าการลด LDL มีความสัมพันธ์กับการลดการเกิด cardiovascular disease (CVD) อย่างชัดเจน โดยทุกๆ 40 mg/dl ของ LDL ที่ลดลงจะสัมพันธ์กับการลดลงของอัตราการป่วยและอัตราการเสียชีวิตจาก CVD ลงมาได้ร้อยละ 22
ซึ่งจะเห็นได้ว่าคำแนะนำใหม่ของ ESC/EAS เป็นดังนี้
1. ผู้ป่วยที่มี cardiovascular risk (CV risk) สูงมาก ควรรักษาให้ระดับ LDL ต่ำกว่า 70 mg/dl หรือลดลงมาอย่างน้อย 50% จากระดับเดิมถ้าไม่สามารถให้ LDL ลงมาน้อยกว่า 70 mg/dl (ระดับคำแนะนำ II, หลักฐานคำแนะนำระดับ A)
2. ผู้ป่วยที่มี CV risk สูง ควรรักษาให้ระดับ LDL ต่ำกว่า 100 mg/dl (ระดับคำแนะนำ IIa, หลักฐานคำแนะนำระดับ A)
3. ผู้ป่วยที่มี CV risk ระดับปานกลาง ควรรักษาให้ระดับ LDL ต่ำกว่า 115 mg/dl (ระดับคำแนะนำ IIa, หลักฐานคำแนะนำระดับ C)

ส่วนรายละเอียดการประเมินระดับความเสี่ยง cardiovascular risk สามารถอ่านเพิ่มได้จากในลิ้งค์นะครับ

Ref: http://www.escardio.org/guidelines-surveys/esc-guidelines/GuidelinesDocuments/guidelines-dyslipidemias-FT.pdf


ขอบคุณข้อมูลดีๆจาก : http://www.phimaimedicine.org/

แนวทางเวชปฏิบัติ โรคพิษสุนัขบ้า ฉบับปรับปรุง ปี 2555



Link download: http://www.50pansa.go.th/smf/index.php?PHPSESSID=427hj441cl0rg7q8iq3jh22jr2&action=dlattach;topic=735.0;attach=764


ขอบคุณข้อมูลดีๆจาก : http://www.phimaimedicine.org/

HAS-BLED bleeding risk score


แนวทางของ ESC แนะนำให้ประเมินความเสี่ยงในการมีเลือดออกจากการได้ยาต้านการแข็งตัวของเลือด (anticoagulant) ในผู้ป่วย atrial fibrillation ถ้าพบว่ามีคะแนนตั้งแต่ 3 ขึ้นไป ถือว่ามีความเสี่ยงสูงต่อการเกิดเลือดออก โดยเฉพาะการมีเลือดออกในสมองซึ่งเป็นภาวะแทรกซ้อนที่รุนแรง ซึ่งต้องให้ความระมัดระวังและติดตามใกล้ชิดในการใช้ยา
โดยประเมินจาก 
-H: Hypertension (SBP มากกว่า 160 mmHg)   = 1 คะแนน
-A: Abnormal renal function (ได้รับการฟอกไตแบบถาวรหรือการปลูกถ่ายไตหรือ Cr 200 μmol/L ( มากกว่า ~2.3 mg/dL) = 1 คะแนน
     Abnormal liver function  (มีโรคตับเรื้อรัง เช่น ตับแข็ง หรือผลตรวจทางชีวเคมีพบหลักฐานของการมีความผิดปกติอย่างมีนัยยะสำคัญ เช่น bilirubin มากกว่า 2 เท่าของค่าปกติที่สูงสุด, การมี  AST/ALT/ALP มากกว่า 3 เท่าของค่าปกติที่สูงสุด)  = 1 คะแนน
-S: Stroke (มีประวัติเคยมีโรคหลอดเลือดสมองมาก่อน)  = 1 คะแนน
-B: Bleeding (มีประวัติเลือดออกรุนแรง หรือมีปัจจัยเสี่ยงต่อการมีเลือดออก)  = 1 คะแนน
-L: Labile INRs (หมายถึง INRs ไม่คงที่/สูง หรือไม่ได้ระดับในระยะเวลานาน (เช่น น้อยกว่า 60% ของระยะเวลาที่ควรจะได้ระดับ)  = 1 คะแนน
-E: Elderly (อายุมากกว่าหรือเท่ากับ 65 ปี)  = 1 คะแนน
-D: Drug Therapy (มีการใช้ยา เช่น antiplatelet agents, NSAID's)  = 1 คะแนน
      Alcohol intake (ดื่มสุราตั้งแต่ 8 ดริ้งขึ้นไป/สัปดาห์)  = 1 คะแนน
โดยการใช้ HAS-BLED bleeding risk score ร่วมกับ CHA2DS2-VASc Score ในการประเมินการใช้และความเสี่ยงในการมีเลือดออก


ขอบคุณข้อมูลดีๆจาก : http://www.phimaimedicine.org/